ข่าวบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้อย่างดุดันด้วยการถอนแค้นแบบทบต้นทบดอกในเกมไล่ต้อน อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ 4-1 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในศึกยู่ฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอช เมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ข่าวบอล เกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จับ เอดินสัน คาวานี่, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และ อเล็กซ์ เตลลิส ลงเล่นเป็นตัวจริงพร้อมกันครั้งแรก และไม่ผิดหวัง ทั้งสามคนทำผลงานได้อย่างยอดยี่ยม แต่คนที่โดดเด่นที่สุดยังเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพชาวโปรตุกีส
สำหรับตอนนี้โชคชะตาในการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ของพวกเขาอยู่ในมือแล้ว เพราะ 2 เกมในการพบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ขอแค่ 1 แต้มเท่านั้น ก็เพียงพอแล้ว
1. มหัศจรรย์แฟร์นันด์ส
ตอนนี้ต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาด บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่ได้เลยจริงๆ โดยเฉพาะฟอร์มการเล่นในเกมล่าสุดที่ไล่ต้อน อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ 4-1 ต้องบอกเลยว่า ดาวเตะเลือดฝอยทอง คือ “เดอะ แบก” ของทัพ “ปีศาจแดง” อย่างแท้จริง
แมตช์นี้จอมทัพทีมชาติโปรตุเกสจัดการซัด 2 ประตูแรกให้กับทีมในเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยเฉพาะลูกแรกต้องบอกว่าสุดงามจริงๆ ขณะที่ลูกที่สองแม้จะมองว่าเป็นจังหวะส้มหล่นโกลทีมเยือนรับหลุดมือ แต่เขาก็มีไหวพริบที่จะจัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย
สำหรับตอนนี้ แฟร์นันด์ส มีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูที่ต้นสังกันทำได้ 34 ลูกจาก 35 เกมที่เล่นให้ทีม โดยซัดเอง 21 ประตูพร้อมกับทำอีก 13 แอสซิสต์ ส่วนผลงานในฤดูกาลนี้เจ้าตัวตะบันไปแล้ว 9 ประตูกับ 5 แอสซิสต์จากการลงสนาม 13 แมตช์โดยเป็นประตูจากจุดโทษ 4 ลูก
เรื่องผลงานในสนามถือว่าสุดยอดเกินจะบรรยาย ส่วนเรื่องความมีน้ำใจกรณีนี้ต้องชื่นชมด้วย เพราะ แฟร์นันด์ส มีโอกาสที่จะทำแฮตทริกได้ในเกมนี้ เมื่อทีมได้จุดโทษ แต่เขาเลือกให้โอกาส มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นคนยิงประตู สิ่งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงสปิริตของความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
2. คาวานี่ พร้อมสำหรับหน้าเป้า
“ผีแดง” ในยุคที่ โซลชา กุมบังเหียน พยายามที่จะควานหาผู้เล่นหน้าเป้าธรรมชาติ มาร่วมทีมให้ได้ โดยนี่คือตำแหน่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องมี เพราะทีมชุดนี้ต้องบอกว่ายังขาดประสิทธิภาพในการทำประตู เนื่องจากแนวรุกไม่ใช่พวกโป้งปิดบัญชี
ไม่ว่าจะเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโตนี่ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด เป็นผู้เล่นที่เต็มไปด้วยศักยภาพและความรวดเร็ว ปราดเปรียว แต่สิ่งที่ขาดหายไปก็คือความเฉียบคมในการยิงประตู แม้ว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วทั้งสามคนจะประสานงานกันได้อย่างสุดยอด ยิงประตูเป็นว่าเล่นก็ตาม
หากจะมองตามความเป็นจริงทั้งสามคนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อถูกจับไปยืนเป็นแนวรุกทางกว้าง มากกว่าที่จะเป็นหน้าเป้า สำหรับตอนนี้ทีมมี เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหน้าเป้าชั้นยอด แม้ว่าเขาจะอายุสามสิบกว่าๆ ก็ตาม แต่ความว่องไว และความเฉียบคมยังมีอยู่
ในเรื่องการหาตำแหน่งในการทำประตูถือว่า คาวานี่ ทำได้ดีมากๆ ในเกมนี้ แต่สิ่งที่ขาดไปก็คือสกอร์ ซึ่งก็โทษ หัวหอกชาวอุรุกวัยไม่ได้เนื่องจากเพื่อนร่วมทีมไม่สามารถสร้างโอกาสให้กับเขาได้มากนัก กระนั้นเมื่อเห็นฟอร์มแบบนี้ โซลชา น่าจะอุ่นใจได้ว่าเขามีหน้าเป้าที่ต้องการแล้ว
3. ฟาน เดอ เบ็ค-เตลลิส ฟอร์มหรูดูดี
นี่เป็นเกมแรกที่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค, อเล็กซ์ เตลลิส และ คาวานี่ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงร่วมกัน และถือว่าประสบความสำเร็จมากๆ ซึ่งแน่นอนว่าเครดิตต้องยกให้กับการวางแท็กติกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่สามารถผสมผสานทั้งสามคนเข้ากันได้อย่างกลมกล่อม
สองประตูแรกที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ทำได้นั้น เตลลิส มีส่วนทั้งหมด เพราะเริ่มต้นมาจากการเปิดบอลที่เฉียบคมของ ดาวเตะชาวบราซิเลียน ฉะนั้นการที่เห็นฟอร์มของ เตลลิส ในเกมนี้น่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย เพราะนักเตะรายนี้มีทีเด็ดตรงที่การเปิดบอลริมเส้นเด็ดดวงจริงๆ
ขณะที่ ฟาน เดอ เบ็ค ค่อยๆ ฉายแววความเป็นยอดนักเตะออกมาเรื่อยๆ โดยในเกมนี้เขารับหน้าที่ยืนต่ำในแผงมิดฟิลด์ และคอยทำหน้าที่คุมแดนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ แฟร์นันด์ส สามารถเล่นเกมบุกได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเกมรับมากนัก
ดาวเตะเลือดดัตช์แสดงให้เห็นถึงกึ๋นในเกมลูกหนังได้อย่างชัดเจนในแมตช์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอลที่แม่นยำ, วิสัยทัศน์ในการเล่น และความสามารถในการสอดประสานจากเกมรับเป็นเกมรุก ซึ่งผลงานแบบนี้คงทำให้ ปอล ป็อกบา อาจจะต้องเจอสถานการณ์กดดันในการแย่งตำแหน่งตัวจริงแน่นอน
สำหรับตอนนี้สาวก “เร้ด อาร์มี่” คงคาดหวังว่า โซลชา จะให้โอกาส ฟาน เดอ เบ็ค ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียรลีก พบ เซาธ์แฮมป์ตัน
4. มาร์กซิยาล ทำได้ดีกับตำแหน่งแนวรุกริมเส้น
การที่ โซลชา ตัดสินใจส่ง คาวานี่ ลงตัวจริงโดยทำหน้าที่เป็นหน้าเป้า ส่งผลให้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล จำเป็นต้องถูกขยับออกไปเล่นเป็นตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย ซึ่งต้องบอกว่านักเตะทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว และคงทำให้ “น้าลูกอม” มองเห็นเรื่องในด้านบวกจากฟอร์มในเกมนี้ของเขา
ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ทำผลงานไม่ค่อยน่าประทับใจนักในฐานะหน้าเป้า อย่างไรก็ตามในแมตช์ถลุง บาซัคเซเฮียร์ เจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นสามารถปั่นป่วนเกมรับของทีมเยือนได้ตลอด ซึ่งสิ่งนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่านี่คือตำแหน่งเหมาะสมที่สุดสำหรับเขา
แน่นอนว่าในระยะยาว มาร์กซิยาล ยังสามารถที่จะกลับมาเล่นในตำแหน่งหน้าเป้าได้ เพราะอย่าลืมว่าเจ้าตัวก็ถือเป็นดาวยิงที่ทัพ “ปีศาจแดง” ฝากผีฝากไข้ได้ เนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมาเขาตะบันไปถึง 23 ประตูจากทุกรายการที่เล่นให้กับต้นสังกัด
สำหรับตอนนี้ โซลชา มองว่าในกรณีที่จับ คาวานี่ ลงเล่นเป็นหน้าเป้า มาร์กซิยาล เหมาะสมที่จะยืนเป็นตัวรุกฝั่งซ้ายที่สุด ด้วยความรวดเร็วและปราดเปรียวของเขาสร้างประโยชน์ให้กับทีมอย่างมาก โดยเฉพาะในเกมนี้แม้เขาจะยิงประตูไม่ได้แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในแข้งสำคัญที่ช่วยทีมเก็บชัยชนะ
5. โชคชะตาเข้ารอบน็อกเอาต์อยู่ในมือแล้ว
การไล่ต้อน บาซัคเซเฮียร์ ในแมตช์นี้มีความสำคัญอย่างมากเพราะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บไปแล้ว 9 คะแนน จาก 4 แมตช์ โอกาสที่พวกเขาจะเข้ารอบน็อกเอาต์อยู่ในมือแล้ว เนื่องจาก 2 เกมที่เหลือขอแค่แต้มเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาลอยลำ
ในแมตช์ต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องต้อนรับการมาเยือนของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมงก์ ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้ว่าขุมกำลังของ “เปแอสเช” จะมีชื่อชั้นเหนือกว่าก็ตาม แต่คู่นี้เปรียบเหมือน ” งูเหลือมกับเชือกกล้วย” พอเจอกันทีไหร่ทีมดังเมืองน้ำหอมโดนเล่นงานทุกที
ที่สำคัญ “ผีแดง” เล่นแบบไม่ต้องกดดันมากนักเมื่อพวกเขาขอแค่เสมอก็จะตีตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที ฉะนั้นทีมที่จะต้องกดดันก็คือ แซงต์-แชร์กแมง เพราะต้องพยายามเปิดเกมบุกเพื่อหวังบุกมาชนะให้ได้ และวิธีการเล่นแบบนี้เมื่อเจอกับ แมนฯ ยูฯ ยุค โซลชา โอกาสโดนสวนกลับและเสียประตูมีสูงเลยทีเดียว
ฉะนั้นในตอนนี้โชคชะตาในการเข้ารอบอยู่ในกำมือของ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว เพราะ 2 เกมในการพบกับ “เปแอสเช” และ แอร์เบ ไลป์ซิก หากโลกไม่ถล่มฟ้าไม่ทะลาย แค่พวกเขาไม่แพ้เกมใดเกมหนึ่งก็ได้ไปยืมยิ้มรอคู่แข่งในรอบน็อกเอาต์สบายอุรา